ทริปนี้เราจะพาทุกท่านไปประเทศ “โมร็อคโค” ( Morocco ) ดินแดนฟ้าจรดทราย บ้านเมืองมีเอกลักษณ์แสดงความเป็นโมร็อคโคชัดเจน แต่ก็ระเบียบเรียบร้อยใกล้เคียงยุโรป เที่ยวครั้งเดียวได้ทั้งเมืองชิคๆ และ ธรรมชาติแปลกตา หลายคนเรียกโมร็อคโคว่า Land of contrasts ประเทศโมร็อคโคเป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศแตกต่างกันมาก ฝั่งซ้ายของเทือกเขาก็จะอุดมสมบูรณ์ มีน้ำ มีต้นไม้ บ้านเมืองสวยงาม กลับกันอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาก็จะแห้งแล้งจนเป็นทะเลทรายซาฮาร่า สวยเท่ไปอีกแบบ
ราคาโดยประมาณ 89,000 ( ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน )
ตอนนี้ทริปยังไม่เปิด สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่ลิงค์นี้ครับ
Line openchat
https://line.me/ti/g2/94bPbKzeLfeVC4xv3wSJhbv-Km89UMXP6_PrEw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
เราออกแบบทริปแบบเข้าใจนักเดินทาง พยายามให้ครบแต่ไม่เหนื่อยมากจนเกินไป ทริปนี้เราเดินทางเป็นวงกลมไม่ย้อนเส้นทางไปมา จุดไหนไฮไลท์เราเผื่อเวลาเยอะ กิจกรรมไหนเด็ดเราใส่ให้ รวมทั้งอาหารเข้าใจว่าประเทศแถบนี้ทานยาก เราก็จัดไทย อาหารเอเชียใส่มาให้ รวมทั้งมีเวลา free time ให้เวลาชิลล์ให้ช็อปปิ้งกันพอควร และแน่นอน….ถึงบรรยากาศจะดูลุย แต่รับรองได้ว่าไม่ลำบากครับ นั่งรถถึงทุกที่ไม่มีเดินเขาเดินป่า
สรุปสาระสำคัญทริปกันเล็กน้อย ทริปเราพิเศษยังไง
- ทริปนี้เราออกเอง ไม่ส่งต่อ ไม่ใช่ join กรุ๊ป กรุ๊ปไม่ใหญ่ รับประมาณ 20-25 คน ( MAX 30 )
- ช่วงที่ไปไม่ร้อนแน่นอน อากาศเย็นสบาย ตามพยากรณ์บอก 10-20 องศา
- บินดีด้วย Etihad airways ไฟล์เวลาดีออกดึกถึงเช้า ต่อเครื่องไม่นาน กลับถึงเช้า ลางานน้อย
- โปรแกรมนี้เที่ยวครบไฮไลท์จริงๆ เที่ยวเมืองเก๋ๆ เดินตลาด เข้าทะเลทราย ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้น ครบ!
- พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ตลอดการเดินทาง
- มีค้างคืนในทะเลทราย แต่ไม่ลำบากครับ เป็นโรงแรมและมีห้องน้ำในตัว
- รวมการ ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นในทะเลทรายซาฮาร่า กิจกรรมที่คุณต้องประทับใจ!
- ราคานี้รวมทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบิน วีซ่า ค่าเข้าชม โรงแรม อาหารครบทุกมื้อตามโปรแกรม ยกเว้นทิปเท่านั้น
- อาหารมีทั้งไทย จีน เอเชีย อินเตอร์ และ ท้องถิ่นปนกันไป จะได้ไม่คิดถึงอาหารไทยมากจนเกินไปครับ
- มีหัวหน้าทัวร์ไทย ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ อำนวยความสะดวกให้ท่านตลอดทริป
วันเดินทาง :
ราคา :
โปรแกรมการเดินทาง
ก่อนอื่นมาดูภาพรวมการเดินทางกันเล็กน้อย จะเห็นว่าโปรแกรมเราวิ่งเป็นวงกลม เก็บครบทุกเมืองไฮไลท์ของประเทศโมร็อคโคแบบไม่ย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา ( เริ่มต้นจากจุด J ในภาพแล้ววิ่งขึ้นบนไปตามอักษร B C D … จนมาจบที่ J )
DAY1 : BANGKOK – CASABLANCA
21.00 นัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์ Etihad airways พบเจ้าหน้าที่บริษัทคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก เราจะบินไปยังปลายทางประเทศโมร็อคโค โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Abu Dhabi International Airport ประมาณ 2.5 ชม.แล้วขึ้นเครื่องต่อไปยังปลายทางเมือง Casablanca
DAY2 : CASABLANCA – RABAT
07:30 เดินทางถึงสนามบิน Mohamed V International Airport เมืองคาซาบลังก้า ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 7 ช.ม.) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และพบไกด์ท้องถิ่นแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองคาซาบลังก้า
เมืองคาซาบลังก้า (CASABLANCA) หมายถึง บ้านสีขาว เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca (โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้าเลย ซะงั้น…) เป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คาซาบลังก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เข้าชมความสวยงามของ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโคทุกแขนง ชมวิวทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว
จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองราบัต (RABAT) ระยะทาง 94 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. ให้ท่านชมเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 เมื่อโมร็อคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบคณะทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 (Mohammed V Mausoleum) พระอัยการของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนสง่าเฝ้าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 x 139 เมตร
นำท่านไปชม หอคอยฮัสซัน (Hassan Tower) ส่วนหนึ่งของมัสยิดฮัสซัน ซึ่งได้วางแผนไว้ให้เป็นสุเหร่าที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก สามารถบรรจุผู้ที่เข้ามาสวดมนต์ได้พร้อมกันคราวละ 40,000 คน (แต่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ)
จากนั้นชมภายนอก สุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมร็อคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจ
นำท่านชม สวนสาธารณะแอนดาลูเชียน (Andalusian Garden) ซึ่งในอดีตเคยเป็นของฝรั่งเศสถูกตกแต่งด้วยน้ำพุ ต้นไม้ และดอกไม้นานาพันธุ์
นำท่านไปชมป้อมปราการที่มีสีแดงสด อุดายา คาชบาห์ (Oudaya Kasbah) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ ด้านในเป็นเมดิน่า บ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าสวยสะอาดตา เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยสุดๆ
เย็น บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
เข้าพัก BELERE HOTEL หรือเทียบเท่า (ระดับ 4 ดาว)
DAY3 : RABAT – TANGIER
เช้า ทานอาหารบุฟเฟต์โรงแรม
นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองแทนเจียร์ (TANGIER) เป็นเมืองท่าที่สำคัญตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก อยู่ห่างจากทวีปยุโรปเพียงแค่ 30 กิโลเมตรเท่านั้น! นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองแทนเจียร์ ที่มีความโดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม รวมไปถึงหาดทรายและผู้คนที่แสนจะเป็นมิตร
นำท่านไปชม แกรนด์ซัคโค (Grand Socco) จัตุรัสที่รายล้อมไปด้วยเขตเมืองเก่าหรือย่านเมดินา ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองแทนเจียร์ อีกทั้งยังถือว่าเป็นตลาดหลักของเมืองอีกด้วย
ให้ท่านไปชม เพลส เดอ ฟรานช์ (Place de France) อีกหนึ่งจัตุรัสที่มีความโดดเด่นอีกแห่งของเมือง อีกทั้งยังถือว่าเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านไปชมความยิ่งใหญ่ของ ป้อมปราการเมืองแทนเจียร์ (Tangier Kasbah) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของ เมืองแทนเจียร์ โดยป้อมปราการตั้งอยู่เหนือสุดของเมือง เป็นอีกวิวพอยท์สำคัญที่คุณจะสามารถมองเห็นช่องแคบยิบรอลตาร์ได้เป็นอย่างดี
( เราจะมองเห็น Gibraltar จากฝั่งตรงข้ามในภาพครับ ตามรูปนี้ถ่ายจากฝั่งยุโรปนะ แต่โมร็อคโคอยู่ฝั่งแอฟริกา )
นำท่านไปชม พระราชวังสุลต่าน ดาร์ เอล มาคเซ่น (Dar el Makhzen) เป็นที่ประทับของสุลต่านของโมร็อคโค ถูกสร้างขึ้นโดยมูเลย์ อีสมาอิล ในช่วงศตวรรษที่ 17 ที่มีความงดงามไปด้วยเพดานแกะสลักไม้และลานหินอ่อน ปัจจุบันพระราชวังถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ จำนวน 2 แห่ง นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมร็อคโคและพิพิธภัณฑ์ของโบราณ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
เข้าพัก HILTON GARDEN HOTEL หรือเทียบเท่า (ระดับ 4 ดาว)
DAY4 : CHEFCHAOUEN – MEKNES – FES
เช้า ทานอาหารบุฟเฟต์โรงแรม
เดินทางต่อไปยัง Blue City นครสีฟ้า เมืองเชฟชาอูน (CHEFCHAOUEN) เมืองซึ่งได้ขนานนามว่า “มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค” เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ใน หุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) เมืองเล็กๆน่ารัก ที่บ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว เป็นหนึ่งในเมืองที่น่ารักและถ่ายรูปสวยมาก ต้องห้ามพลาดครับ!
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางไป เมืองเมคเนส (MEKNES) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 เมกเนสมีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู ให้ท่านได้แวะถ่ายรูป ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) ซึ่งเป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด
เดินทางต่อไปไปพักที่เมืองเฟซ (FEZ) ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
เข้าพัก ROYAL MIRAGE HOTEL หรือเทียบเท่า (ระดับ 5 ดาว)
DAY5 : FES CITY TOUR
เช้า ทานอาหารบุฟเฟต์โรงแรม
เมืองเฟซ (FEZ) เป็นเมืองหลวงเก่าในศตวรรษที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็อคโค ที่ใครๆก็ต้องมาเยือน นำท่านชม ประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวัง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม และเป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมร็อคโค
นำท่านขึ้นถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน จากนั้นเดินทางเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่ง เมดินาเมืองเฟส นำท่านชมโรงงานเซรามิก และโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผา ตามแบบฉบับสไตล์ชาวโมรอคโค นำท่านชม ประตู Bab Bou Jeloud เป็นประตูขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่างเมืองเก่า กับเมืองใหม่ ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆ นานาชนิด
หลังจากนั้นนำท่านชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Medersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้ มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กระทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ( อาหารไทย )
นำท่านเดินชมในย่านเมดิน่า ผ่านชม สุเหร่าใหญ่ไคราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) จากนั้นนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ (Tannery of Fes) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก นี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง
ปิดท้ายด้วยการเดินตลาด หรือที่นี่เรียกว่า SOUK ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น ชุดสไตล์โมร็อคโคไปใส่ถ่ายรูปสวยๆ กระเป๋า เครื่องจักรสาน เครื่องหนัง หรือจะเป็นผลไม้แห้งอย่างเช่น อินทผลัม วอลนัท อัลมอนด์ ที่คุณภาพดีและราคาไม่แพง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
เข้าพัก ROYAL MIRAGE HOTEL หรือเทียบเท่า (ระดับ 5 ดาว)
หมายเหตุ: ให้ทุกท่านเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ใส่กระเป๋าใบเล็กของท่านเพื่อใช้ในการค้างแรมในทะเลทรายซาฮารา ในคืนถัดไป
DAY6 : FES – IFRANE – MIDELT – MERZOUGA
เช้า ทานอาหารบุฟเฟต์โรงแรม
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
วันนี้เราจะนั่งรถกันนานนิดหนึ่งเพื่อนำท่านข้ามภูเขา Middle Atlas เพื่อไปสู่ปลายทางทะเลทรายซาฮาร่า โดยระหว่างทางนั้นเราก็จะผ่านเมืองสวยๆ และ วิวแปลกตาตลอดทาง อย่างเช่น เมืองอิเฟรน (IFRANE) เมืองตากอากาศที่มีความสูงกว่า 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้
เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองมิเดลท์ (MIDELT)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอร์ซูก้า (MERZOUGA) เมืองในทะเลทรายซาฮาร่า ระยะทาง 268 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม. พื้นที่ในทะเลทรายส่วนมากจะเป็นเหมือนในภาพด้านล่าง คือไม่ใช่เป็นสันทราย ( SAND DUNE ) ล้วนๆแบบภาพที่เคยเห็นกันนะครับ จะเป็นคล้ายๆดินลูกรัง และ พอถึงโซนที่มีน้ำหรือที่เรียกว่า Oasis ก็จะมีชุมชนอยู่ สวยงามแปลกตามาก
ณ จุดจอดรถ คณะพร้อมสัมภาระ (กระเป๋าใบเล็ก) เดินทางโดยรถ 4×4 เข้าสู่ทะเลทรายซาฮารา ระยะทาง 54 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ผ่านภูเขาหิน ที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหอย และ แมงกะพรุนโบราณ ในอดีตเมื่อประมาณ 350 ล้านปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลต่อมาเมื่อแผ่นดินผุดขึ้นมา จึงเกิดซากฟอสซิลขึ้นมากมายและเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮารา
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย
เข้าพัก KASBAH TOMBOUCTOU HOTEL หรือเทียบเท่า
DAY7 : SAHARA DESERT – TINGHIR – DADES – OUARZAZATE
ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น นำท่านขี่อูฐเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮารา (ค่าขี่อูฐรวมในค่าบริการแล้ว)
ทะเลทรายซาฮาร่า เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งเป็นภาพที่สวยงาม คุณจะประทับใจโมเม้นต์นี้ไม่มีวันลืมแน่นอนครับ !
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
หลังอาหารนำคณะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4×4 ออกจากทะเลทรายซาฮาร่า มุ่งหน้าสู่ เมืองแอร์ฟอร์ด เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชคันเดิม
เดินทางไปชม โอเอซิส Tinghir ซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท ผ่านหุบเขาดาเดส (Dades) ซึ่งเป็นแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงาม
นำท่านเดินทางสู่ ทอดร้าจอร์จ (Todra Gorge) โกรกธารที่มีโขดผาสูง 985 ฟุต หรือ 300 เมตร ชมความงดงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส โดยมี ลำน้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
จากนั้นเดินทางต่อตามถนนคาชบาห์ที่มีป้อมหลายพันแห่งตั้ง เรียงรายตามถนนดังกล่าวสู่ เมืองวอซาเซท (OUARZAZATE) เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ทะเลทรายซาฮาร่า ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกับ ป้อมเทาริท (Kasbah of Taourirt) ซึ่งเป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย
เข้าพัก KARAM PALACE หรือเทียบเท่า (ระดับ 4 ดาว)
DAY8 : AIT BEN HADDOU – MARRAKECH
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองเอ็ทเบน ฮาดดู (AIT BEN HADDOU) เป็นเมืองที่ชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในโมร็อคโคภาคใต้ คือ ป้อเอ็ทเบน ฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Haddou)
จากนั้นออกเดินทาง ข้ามเทือกเขา High Atlas Mountain ที่ต้องเรียกว่าเทือกเขาเพราะมันยาวมาก ยาวข้ามประเทศ และด้วยเขาลูกนี้เองทำให้โมร็อคโคกลายเป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศแตกต่างกันมาก อย่างที่เราอยู่ตอนแรกคือฝั่งซ้ายของเทือกเขาก็จะอุดมสมบูรณ์ มีน้ำ มีต้นไม้ กลับกันอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาก็จะแห้งแล้งจนเป็นทะเลทรายซาฮาร่านั่นเอง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ( อาหารไทย )
หลังอาหารออกเดินทางสู่ เมืองมาราเกช (MARRAKECH) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A City of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้
จากนั้นนำท่านเยือน จัตุรัสกลางเมือง (Djemaa Fnaa Square) ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมร็อคโคขนานแท้ สำรวจตลาดขนาดยักษ์ที่ Djemaa El Fna บอกเลยว่าเด็ดมาก! ถ้ามาเที่ยวโมร็อคโคแล้วไม่ได้เดินตลาดถือว่าผิด!!!!!! ตลาดที่นี่เค้าจะเรียกว่า ซุก ( SOUK ) ให้นึกภาพตามว่าเหมือนเราเดินเล่นในจตุจักรแล้วกันก็จะมีของขายหลายสิ่ง หลักๆก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องหนัง ในสไตล์โมร็อคโคครับ ช็อปปิ้งกันเพลินมากกกกกกกกกกกกกกก
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย
เข้าพัก RYAD MOGADOR HOTEL หรือเทียบเท่า (ระดับ 4 ดาว)
DAY9 : MARRAKECH – CASABLANCA
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมความงดงามภายนอกของ มัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร)
นำท่านชม สุสานแห่งราชวงศ์ซาเดียน (Saadian Tombs) เป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ในสมัยราชวงศ์ซาเดียน เข้าชมความงดงามของงานศิลปะแบบมัวริช(Moorish) แท้ๆความวิจิตรอลังการของห้องโถงภายใน จากนั้นเข้าชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) พระราชวังของมหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เค้าตั้งใจให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราในสมัยนั้น ภายในก็จะตกแต่งด้วยปูนปั้นแกะสลักและการวาดลวดลายบนไม้ รวมทั้งประดับประดาด้วยโมเสกที่มีลวดลายสวยงาม
นำท่านชม Majorelle Garden หรือ สวนของ Yves Saint Laurent ดีไซน์เนอร์แบรนด์ดังก้องโลกนี่เองครับ ที่นี่เป็นสวนที่รวบรวมพันธ์ไม้นานาชนิดจากทั่วโลกโดยเฉพาะต้นกระบองเพชรหลากหลายสายพันธ์ เป็นพันต้น มีป่าไผ่ มีสวนบัวและกระถางดินสีฉูดฉาด มีมุมถ่ายรูปสวยๆตามแบบฉบับโมร็อคโค
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า ผ่านชมชายหาดชื่อดังระดับโลกคาซาบลังก้า ชายหาดริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่หลายคนหลงใหล อยากได้เห็นบรรยากาศของชายหาดที่มากมายไปด้วยผู้คนกับทะเลน้ำสีฟ้าคราม อันกว้างไกลช่างน่าประทับใจ
ปิดท้ายกิจกรรมที่จะพลาดไม่ได้คือช็อปปิ้ง !! Free time ในห้างสรรพสินค้า โมรอคโค มอลล์ (The Morocco Mall) ที่ถูกสร้างอยู่บริเวณริม ทะเล ซึ่งมีความสวยงามในรูปแบบการก่อสร้างบนเนื้อที่กว้างใหญ่ประมาณ 200,000ตรม. ประกอบไปด้วยร้านต่างๆมากมาย ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของฝรั่งเศส ลาฟาเยต์ และห้างจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมของโลก เช่น ดีออร์ เฟนดี กูชี คาร์เทียร์ ฯ ต่าง ๆ รวมทั้งโซนซุปเปอร์มาเก็ตที่จะคุณสามารถซื้อ อาหาร ขนม ต่างๆอีกด้วย
ร่วมรับประทานอาหารจีน ณ ภัตตาคารก่อนเข้าโรงแรมครับ
เข้าพัก IDOU ANFA HOTEL หรือเทียบเท่า (ระดับ 4 ดาว)
DAY10 : CASABLANCA – BANGKOK
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสนามบินฯ
09.00 ได้เวลาอำลาประเทศโมรอคโค บินกลับประเทศไทย โดยสายการบิน Etihad Airways เช่นเคยครับเราจะไปแวะต่อเครื่องกันที่สนามบิน Abu Dhabi สั้นๆประมาณ 1.5 ชม. ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับสู่ประเทศไทย
DAY11 : BANGKOK
06.45 ถึงกรุงเทพด้วยความประทับใจ
เงื่อนไขการจองและการชำระเงิน
ตอนนี้ทริปยังไม่เปิด สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่ลิงค์นี้ครับ
Line openchat
https://line.me/ti/g2/94bPbKzeLfeVC4xv3wSJhbv-Km89UMXP6_PrEw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
Facebook Page : Chill Together – ทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ คลิก https://www.facebook.com/ChillTogetherTravel/inbox/
ค่าทัวร์รวม
- ค่าวีซ่าประเทศโมร็อคโค
- ค่าภาษีสนามบิน ค่าภาษีน้ำมัน และค่าประกันภัยทางอากาศ
- ค่าที่พักโรงแรม 8 คืนตามโปรแกรม (พักห้องคู่)
- ค่าขี่อูฐ ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทราย
- ค่าอาหารตามโปรแกรมที่ระบุ
- ค่าเครื่องดื่ม (น้ำเปล่า) บนรถโค้ชวันละ 1 ขวด / ท่าน
- ค่าพาหนะ รถรับ-ส่ง ตลอดการเดินทาง
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ตามระบุในโปรแกรม
- ค่าบริการนำทัวร์ และคอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง 1 ท่าน
- ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในวงเงินท่านละ1,000,000บาท และค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 500,000 บาท (ประกันไม่ครอบคลุมผู้ที่มีอายุตั้งแต่75ปีขึ้นไป)
ค่าทัวร์ไม่รวม
- ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถฯ วันละ 5 ดอลลาร์ คิดเป็น 9 วัน รวม 45 ดอลลาร์ /ท่าน
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย วันละ 3 ดอลลาร์ คิดเป็น 11 วัน รวม 33 ดอลลาร์ /ท่าน (ขึ้นอยู่กับความประทับใจของลูกค้า)
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าเครื่องดื่มในห้องพัก และค่าอาหารที่สั่งมาในห้องพักค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษในร้านอาหารนอกเหนือจากที่ทางบริษัทจัดให้ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ เช่น หากท่านทานได้เฉพาะอาหารทะเลเพียงอย่างเดียว ท่านต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
- ค่าทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)
- ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางที่เกินกว่าสายการบินกำหนด (23 กก./1ใบ/ท่าน)
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
- ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (หากมีการปรับขึ้น)
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
หมายเหตุ
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกหรือเลื่อนกำหนดการเดินทาง ในกรณีที่มีผู้เดินทางไม่ถึง 15 ท่าน และ/หรือ ผู้ร่วมเดินทางในคณะไม่สามารถผ่านการพิจารณาวีซ่าได้ครบ 15 ท่าน โดยจะแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนออกเดินทาง
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้และจะไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่สูญหาย สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์และเหตุสุดวิสัยบางประการ เช่น การนัดหยุดงาน ภัยธรรมชาติ การจลาจล ต่างๆ
- เนื่องจากรายการทัวร์อียิปต์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆตามรายการ หรือ ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี
- กำหนดการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือผลประโยชน์ ตลอดจนความปลอดภัยของคณะผู้เดินทางเป็นสำคัญ
- ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) / หนังสือเดินทางนักการทูต (เล่มสีแดง) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา (เล่มสีเลือดหมู)
เงื่อนไขการยกเลิก
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน หักเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ทางบริษัทได้จ่ายไปแล้ว เช่น ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน ค่ามัดจำโรงแรม
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 31-45 วัน หักค่ามัดจำ 30,000 บาท + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ถ้ามี)
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1-30 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของค่าทัวร์
เลขที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนําเที่ยว : 11/10879
Picture credit : Pixabay.com | Anja Disseldorp | Shawn Allen | Jorge Láscar | Peter Collins | Brandon Prince | Scott Wylie
Recent Comments